ลูกรองเท้าติดบันไดเลื่อน พลเมืองดีหลายชาติรุดช่วย แม่ชี้นาทีชีวิตไม่ควรร้อง “ช่วยด้วย”

ลูกรองเท้าติดบันไดเลื่อน วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 เกิดเหตุการณ์น่าตกใจขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย เมื่อเด็กชายวัย 8 ขวบ

ซึ่งกำลังเดินขึ้นบันไดเลื่อนพร้อมครอบครัว ต้องเผชิญกับสถานการณ์เสี่ยงอันตราย รองเท้าของเด็กเกิดเข้าไปติดกับด้านข้างของบันไดเลื่อน

โดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้บรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความคึกคัก กลับกลายเป็นความตื่นตระหนกในเสี้ยววินาที  

 

ขณะที่บันไดเลื่อนยังคงเคลื่อนตัวต่อไป แรงดึงของเครื่องจักรทำให้เท้าของเด็กชายถูกหนีบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ครอบครัวของเด็กรีบร้องขอความช่วยเหลือจากผู้คนรอบข้าง

ความสับสนและตกใจทำให้สถานการณ์ยิ่งตึงเครียด ทว่าในช่วงเวลาอันคับขันนั้น

สิ่งที่เกิดขึ้นคือภาพความร่วมมืออันน่าประทับใจจากพลเมืองดีหลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นชาวมาเลเซีย ชาวจีน ชาวอินเดีย และนักท่องเที่ยวชาวยุโรป ต่างเข้ามาร่วมมือกันช่วยเหลือเด็กชายทันที  

 

พลเมืองดีเหล่านั้นมีทั้งคนที่รีบกดปุ่มหยุดฉุกเฉินของบันไดเลื่อน ขณะที่บางคนช่วยกันดึงรองเท้าออกจากช่องว่างของบันไดเลื่อน

หลายคนพยายามปลอบโยนครอบครัวของเด็กชายเพื่อให้คลายความตื่นตระหนก กระทั่งในที่สุด รองเท้าของเด็กชายก็หลุดออกมาได้โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บร้ายแรง  

เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างถอนหายใจโล่งอก

แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจและความเป็นมนุษย์ที่ไม่มีพรมแดน ไม่ว่าผู้คนเหล่านั้นจะมาจากประเทศใด หรือพูดภาษาที่แตกต่างกัน พวกเขาก็พร้อมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือโดยไม่ลังเล  

 

หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป แม่ของเด็กชายได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น โดยเล่าถึงช่วงเวลาที่หัวใจแทบหยุดเต้น

พร้อมแนะนำถึงสิ่งสำคัญที่ควรจำเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ “ตอนที่รองเท้าของลูกติดบันไดเลื่อน ฉันร้องตะโกนว่า ช่วยด้วย

ซึ่งมันยิ่งทำให้คนรอบข้างสับสนและตกใจไปด้วย ฉันคิดว่าน่าจะดีกว่าถ้าฉันร้องว่า กดหยุดบันไดเลื่อนหรืออธิบายสถานการณ์ให้ชัดเจนมากขึ้น”  

 

เธอยังกล่าวเสริมว่า การตั้งสติและการสื่อสารที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน โดยเฉพาะในสถานที่สาธารณะอย่างห้างสรรพสินค้า ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและภาษา  

เหตุการณ์ในครั้งนี้ถูกเผยแพร่ไปอย่างกว้างขวางบนโซเชียลมีเดีย ภาพของพลเมืองดีจากหลากหลายชาติที่ช่วยเหลือเด็กชาย สร้างความประทับใจและได้รับคำชื่นชมจากผู้คนทั่วโลก

หลายคนมองว่าเหตุการณ์นี้เป็นตัวอย่างของการอยู่ร่วมกันอย่างมีน้ำใจและความรักต่อเพื่อนมนุษย์  

 

เจ้าหน้าที่ของห้างสรรพสินค้าได้ออกแถลงการณ์ขอบคุณพลเมืองดีทุกคนที่ช่วยเหลือ

และยืนยันว่าจะมีการตรวจสอบความปลอดภัยของบันไดเลื่อนทุกจุดอีกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก  

 

ในท้ายที่สุด เหตุการณ์นี้ไม่ได้จบลงเพียงแค่ความโล่งอกที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่มันยังเป็นเครื่องเตือนใจให้ผู้คนระมัดระวังในการใช้บันไดเลื่อน และยังสะท้อนให้เห็นถึงความงดงามของการช่วยเหลือกันโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติหรือศาสนา  

 

สนับสนุนโดย      เครื่องช่วยฟังที่เสียงรบกวนน้อยที่สุด

ประวัติและวิวัฒนาการของการถ่ายภาพของโลก

การถ่ายภาพเป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ จุดเริ่มต้นของการถ่ายภาพมีขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 19

โดยมีนักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์หลายคนที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้

การถ่ายภาพเริ่มต้นจากแนวคิดเกี่ยวกับ “กล้องทาบเงา” หรือกล้องปิดทึบ (camera obscura)

ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้หลักการแสงผ่านรูเล็กๆ บนผนังห้องและทำให้เกิดภาพของวัตถุภายนอกบนผนังด้านใน แนวคิดนี้มีมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณและได้รับการพัฒนาโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอาหรับ อิบน์ อัล-ฮัยซัม (Ibn Al-Haytham)

ในช่วงศตวรรษที่ 10 แต่ยังไม่มีวิธีการบันทึกภาพได้ถาวร จนกระทั่งศตวรรษที่ 19 ที่นักวิทยาศาสตร์เริ่มพยายามค้นหาวิธีการบันทึกภาพที่มองเห็น

 

ในปี 1826 นักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศส โจเซฟ นีเซฟอร์ เนียปส์ (Joseph Nicéphore Niépce) ได้สร้างภาพถ่ายถาวรครั้งแรกของโลก

ด้วยกระบวนการที่เรียกว่า “เฮลิโอกราฟี” (heliography) โดยใช้แผ่นดีบุกเคลือบด้วยสารไวแสงและถ่ายภาพจากหน้าต่างของบ้านของเขาในฝรั่งเศส ภาพนี้ต้องใช้เวลาถึง 8 ชั่วโมงในการบันทึกแสงจึงจะเห็นภาพ

 

ต่อมาในปี 1839 หลุยส์ ดาแกร์ (Louis Daguerre) ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศสเช่นกัน ได้พัฒนากระบวนการที่เรียกว่า “ดาแกร์โรไทป์” (daguerreotype)

ซึ่งทำให้การถ่ายภาพสามารถบันทึกได้รวดเร็วและชัดเจนมากขึ้น ดาแกร์โรไทป์ถือเป็นกระบวนการถ่ายภาพเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของโลกและได้รับความนิยมอย่างมากในยุโรปและสหรัฐอเมริกา

 

ในช่วงเวลาเดียวกัน วิลเลียม เฮนรี ฟอกซ์ ทัลบอต (William Henry Fox Talbot)

นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้พัฒนากระบวนการถ่ายภาพที่เรียกว่า “คาลอไทป์” (calotype) ซึ่งใช้กระดาษเคลือบสารไวแสง การพัฒนานี้เป็นรากฐานของระบบการถ่ายภาพที่ใช้ฟิล์ม ซึ่งสามารถทำสำเนาภาพถ่ายได้หลายชุด ต่างจากดาแกร์โรไทป์ที่สามารถสร้างภาพได้เพียงภาพเดียว

 

วิวัฒนาการของการถ่ายภาพก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 20 โดยมีการพัฒนากล้องถ่ายภาพที่ใช้ฟิล์มและกล้องพกพาที่สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น กล้อง Kodak Box Camera ที่เปิดตัวในปี 1900

เป็นหนึ่งในกล้องที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เนื่องจากผู้คนทั่วไปสามารถถ่ายภาพได้เองโดยไม่ต้องพึ่งช่างภาพมืออาชีพ

 

ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การถ่ายภาพเริ่มเข้ามามีบทบาทในสื่อสารมวลชนและกลายเป็นเครื่องมือในการบันทึกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ การพัฒนาของภาพถ่ายทางอากาศและภาพถ่ายทางวิทยาศาสตร์

เช่น การถ่ายภาพด้วยรังสีเอกซ์ (X-ray) และการถ่ายภาพผ่านกล้องจุลทรรศน์ ก็มีบทบาทสำคัญในการขยายขอบเขตของการถ่ายภาพในวงการวิทยาศาสตร์

 

เมื่อถึงศตวรรษที่ 21 เทคโนโลยีการถ่ายภาพดิจิทัลได้เข้ามาแทนที่กล้องฟิล์มแบบดั้งเดิมอย่างรวดเร็ว

กล้องดิจิทัลที่สามารถบันทึกภาพได้เป็นจำนวนมากและแก้ไขได้ทันทีทำให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงผู้คนทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการพัฒนาของสมาร์ทโฟนที่มีกล้องถ่ายภาพคุณภาพสูง ทำให้ทุกคนสามารถเป็นช่างภาพได้เพียงแค่ใช้โทรศัพท์มือถือ

 

จากการบันทึกภาพด้วยแผ่นโลหะมาสู่การถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน การถ่ายภาพได้กลายเป็นศิลปะและเครื่องมือในการสื่อสารที่สำคัญของมนุษยชาติ

 

ผู้ให้การสนับสนุนโดย      เครื่องช่วยฟังที่เสียงรบกวนน้อยที่สุด