การสร้างวิดีโอคุณภาพจาก Canva และ Botnoi

การสร้างวิดีโอคุณภาพจาก Canva และ Botnoi เป็นการผสมผสานของสองเครื่องมือที่ทรงพลัง

ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างวิดีโอที่มีคุณภาพสูงได้อย่างง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องมีทักษะทางด้านการออกแบบหรือการตัดต่อวิดีโอที่ซับซ้อนมาก่อน

 

Canva เป็นแพลตฟอร์มการออกแบบกราฟิกที่ใช้งานง่าย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนที่ต้องการสร้างสรรค์ผลงานกราฟิกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโปสเตอร์ แบนเนอร์ โลโก้ หรือแม้กระทั่งวิดีโอ โดยมีการเตรียมแม่แบบ (templates)

และองค์ประกอบกราฟิกต่างๆ ที่หลากหลายให้เลือกใช้ ซึ่งสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้ใช้ สิ่งที่ทำให้ Canva โดดเด่นคือการใช้งานที่ง่ายดายและมีความยืดหยุ่น

ผู้ใช้สามารถลากและวาง (drag-and-drop) องค์ประกอบต่างๆ เข้าไปในวิดีโอได้ทันที นอกจากนี้ยังสามารถอัปโหลดภาพ วิดีโอ หรือไฟล์เสียงส่วนตัวเข้าไปใช้งานร่วมกับวิดีโอได้เช่นกัน

 

Botnoi เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ AI ในการสร้างเนื้อหา โดยเฉพาะการสร้างข้อความอัตโนมัติ สร้างเสียงพากย์จากข้อความ (text-to-speech) หรือการสร้างแชทบอท ซึ่งสามารถนำมาใช้ในวิดีโอได้อย่างมีประสิทธิภาพ Botnoi มีจุดเด่นที่เทคโนโลยี AI

ที่สามารถจำลองเสียงของมนุษย์ได้อย่างสมจริง โดยเฉพาะการทำเสียงพากย์ในภาษาต่างๆ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการสร้างวิดีโอที่มีคุณภาพสูง และสามารถสื่อสารกับผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

กระบวนการในการสร้างวิดีโอคุณภาพจาก Canva และ Botnoi

  1. การออกแบบวิดีโอด้วย Canva: เริ่มต้นด้วยการเลือกแม่แบบวิดีโอที่ตรงกับความต้องการใน Canva จากนั้นสามารถปรับแต่งองค์ประกอบต่างๆ ในวิดีโอ ไม่ว่าจะเป็นภาพพื้นหลัง ข้อความ ไอคอน หรือแอนิเมชั่น นอกจากนี้ยังสามารถอัปโหลดไฟล์มีเดียของตนเองเพื่อใช้ในวิดีโอได้ การออกแบบใน Canva ง่ายต่อการใช้งานและไม่ต้องมีทักษะทางด้านกราฟิกมาก่อน
  2. การสร้างเสียงพากย์ด้วย Botnoi: หากต้องการเพิ่มเสียงพากย์ให้กับวิดีโอ สามารถใช้ Botnoi ในการสร้างเสียงจากข้อความที่เตรียมไว้ โดยเลือกใช้เสียงที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเสียงของผู้ชาย ผู้หญิง หรือเสียงที่มีสำเนียงต่างๆ ทั้งในภาษาไทยและภาษาอื่นๆ หลังจากได้ไฟล์เสียงแล้ว สามารถนำไฟล์นี้ไปประกอบกับวิดีโอใน Canva ได้
  3. การรวมวิดีโอและเสียง: เมื่อสร้างทั้งวิดีโอและเสียงพากย์แล้ว ก็สามารถนำทั้งสองส่วนมารวมกันใน Canva โดยการเพิ่มไฟล์เสียงเข้าไปในวิดีโอ และปรับแต่งเวลาในการเล่นเสียงให้สอดคล้องกับเนื้อหาวิดีโอที่สร้างขึ้น

 

ข้อดีของการใช้ Canva และ Botnoi ร่วมกัน

  1. การเข้าถึงง่ายและการใช้งานที่ง่าย: ทั้ง Canva และ Botnoi ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย แม้สำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านการออกแบบหรือการตัดต่อวิดีโอเลยก็ตาม ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างรวดเร็วและสะดวก
  2. การประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย: การใช้เครื่องมือทั้งสองนี้ช่วยลดความจำเป็นในการจ้างนักออกแบบมืออาชีพหรือนักพากย์เสียง ซึ่งสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก นอกจากนี้ การใช้งานที่ง่ายทำให้กระบวนการผลิตวิดีโอมีความรวดเร็วขึ้น ลดเวลาในการผลิตได้อย่างมาก
  3. ความหลากหลายในการสร้างสรรค์: ด้วยแม่แบบและองค์ประกอบที่หลากหลายใน Canva รวมถึงการใช้เสียงพากย์จาก Botnoi ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างวิดีโอที่มีสไตล์และคุณภาพสูงได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอสำหรับการตลาด การศึกษา หรือความบันเทิง
  4. การปรับแต่งได้ตามต้องการ: ทั้ง Canva และ Botnoi มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง ทำให้ผู้ใช้สามารถออกแบบและสร้างวิดีโอที่ตรงกับความต้องการของตนเองได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสี ฟอนต์ เสียง หรือแม้กระทั่งการเพิ่มแอนิเมชั่นในวิดีโอ

การใช้ Canva และ Botnoi ในการสร้างวิดีโอคุณภาพสูงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างสรรค์เนื้อหาวิดีโอที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพ

โดยไม่ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายมากนัก เป็นการนำเทคโนโลยี AI และเครื่องมือกราฟิกเข้ามาช่วยเสริมให้การผลิตวิดีโอกลายเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับทุกคน

 

สนับสนุนโดย    คาสิโนเวียดนาม

การลดอันดับหนี้ของสหรัฐฯ สำคัญหรือไม่

ฟิทช์ปรับลดเครดิตรัฐบาลสหรัฐ ชี้ให้เห็นภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลกลาง อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยขับเคลื่อนพื้นฐานของเศรษฐกิจ

ตลาด พันธบัตรได้รับแรงกดดันอีกครั้ง แต่อาจพุ่งขึ้นในปี 2567

เนื่องจากการยุติการคุมเข้มของเฟดมีความชัดเจน รายงานตำแหน่งงานประจำเดือนกรกฎาคมให้ข้อมูลประเด็นต่างๆ ที่หลากหลาย ตลาดแรงงานกำลังเย็นลง

แต่ช้าเท่านั้น การเติบโตของค่าจ้างยังคงเป็นปัญหา เราคิดว่าวิวัฒนาการของการเติบโตและอัตราเงินเฟ้อเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับหุ้นที่จะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างยั่งยืน แม้ว่าจะมีความผันผวนมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี

เดือนสิงหาคมเริ่มต้นด้วยความวุ่นวาย เนื่องจากความสงบในฤดูร้อนของตลาดถูกรบกวนด้วยข่าวที่ว่า Fitch

ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานสินเชื่อ “บิ๊กทรี” ปรับลดอันดับเครดิตหนี้ของสหรัฐฯ จาก AAA เป็น AA+ นี่เป็นการปรับลดอันดับเครดิตครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ หลังจากการตัดสินใจที่คล้ายกัน

โดย Standard & Poor’s ในเดือนสิงหาคม 2554 ความไม่สมดุลทางการเมืองของสหรัฐฯ และความกังวลเรื่องหนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การปรับลดอันดับเครดิตของ Fitch ฉายแสงสปอตไลต์เกี่ยวกับแนวโน้มการคลังที่แย่ลง

หุ้นมีประสบการณ์ลดลง 1% วันแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบปี

ซึ่งแซงหน้ารอบสูงสุดของปีที่แล้วที่ 4.25%1 การพัฒนาในสัปดาห์ที่แล้วมีความสำคัญเพียงพอที่จะเปลี่ยนมุมมองของตลาดหรือไม่

และพันธบัตรกำลังส่งสัญญาณอะไร ประสบการณ์ในปี 2554 และความแตกต่างจากวันนี้อย่างไร

เมื่อสหรัฐฯ สูญเสียอันดับเครดิต AAA จาก Standard & Poor’s เมื่อกว่าทศวรรษที่แล้ว การตัดสินใจที่ยังไม่ได้กลับรายการ ทำให้ดัชนี S&P 500 ลดลง 4.8% ในวันที่ประกาศเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม

และลดลงอีก 6.5% ในเดือนสิงหาคม 81. หุ้นยังคงผันผวนในช่วงสองเดือนต่อมา แต่ในทางตรงข้าม นักลงทุนมักหันไปหาพันธบัตรรัฐบาลและเงินดอลลาร์สหรัฐในฐานะแหล่งหลบภัยท่ามกลางความไม่แน่นอน

ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงวิธีการดูหนี้ของสหรัฐฯ แต่น่าจะเป็นข้อแก้ตัวสำหรับตลาดที่จะหยุดพัก เหตุผลในการปรับลดอันดับเครดิต ฟิทช์อ้างถึงการถดถอยทางการคลัง

ภาระหนี้ภาครัฐที่สูงและเพิ่มขึ้น และความเชื่อมั่นทางการคลังที่บั่นทอนจากการเผชิญหน้ากันแบบจำกัดวงหนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้อยคนนักที่จะโต้แย้งว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ข้อกังวลที่แท้จริง สำหรับมุมมอง ตั้งแต่ปี 2008

อัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 60% เป็นระดับสูงสุดที่ 130% ในปี 2020 ตามการกระตุ้นของการระบาด ก่อนที่จะลดลงเล็กน้อยเป็น 118% ในปีนี้1 หลังจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ

ต้นทุนดอกเบี้ยก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและกลายเป็นภาระที่มากขึ้นต่องบประมาณ แม้ว่าในปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 2% แต่การจ่ายดอกเบี้ยของหนี้ของรัฐบาลกลางเป็นเปอร์เซ็นต์ของ GDP ของสหรัฐฯ นั้นต่ำกว่าที่สังเกตได้ในทศวรรษ 1980 และ 19902

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหนี้ของรัฐบาลกลางที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาของการขยายตัวทางเศรษฐกิจนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องและมีแนวโน้มที่จะต้องได้รับการจัดการในอนาคตด้วย

การผสมผสานระหว่างการขึ้นภาษีและการลดค่าใช้จ่าย แต่กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยชั้นนำของโลก

นั่นไม่ใช่เพราะอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ของสหรัฐฯ แต่เป็นเพราะสภาพคล่องมหาศาลของตลาดและความลึกของตลาด ทำให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเก็บเงินและลงทุนในตราสารหนี้ของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด

ซึ่งมีสกุลเงินเป็นทุนสำรองของโลก สำหรับตอนนี้ ยังไม่มีประเภทสินทรัพย์อื่นใดที่จะทำหน้าที่เป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผล

 

สนับสนุนโดย    คาสิโนเวียดนาม

3 อาหารทานบ่อย เสี่ยงกระดูกพรุนสุดๆ

กระดูกพรุนเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสมตั้งแต่วัยหนุ่มสาว การเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุนสามารถเริ่มต้นจากการบริโภคอาหารที่เราทานบ่อยในชีวิตประจำวันโดยไม่รู้ตัว

โดยเฉพาะอาหาร 3 ประเภทหลัก ได้แก่ น้ำอัดลม โปรตีนจากสัตว์ และอาหารโซเดียมสูง  

  1. น้ำอัดลม  

น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่หลายคนดื่มเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ แต่รู้หรือไม่ว่าน้ำอัดลมเป็นตัวการที่อาจทำลายสุขภาพกระดูกของคุณได้? น้ำอัดลมมีกรดฟอสฟอริก (Phosphoric Acid)

ซึ่งอาจไปขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมในร่างกาย เมื่อร่างกายได้รับแคลเซียมน้อยลง กระดูกจึงอ่อนแอและเสี่ยงต่อการพรุนมากขึ้น

นอกจากนี้ น้ำอัดลมยังเต็มไปด้วยน้ำตาลที่สูง ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของไต ทำให้สมดุลของแร่ธาตุในร่างกายเสียไป ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายดึงแคลเซียมออกจากกระดูกเพื่อรักษาสมดุล  

 

  1. โปรตีนจากสัตว์ 

แม้โปรตีนจากสัตว์ เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว และอาหารทะเล จะเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ แต่การบริโภคในปริมาณที่มากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกระดูกพรุนได้

สาเหตุมาจากโปรตีนจากสัตว์ที่มีกรดอะมิโนกำมะถันสูง เมื่อร่างกายเผาผลาญโปรตีนเหล่านี้ จะเกิดกรดในร่างกายที่ต้องกำจัดออก

ระบบร่างกายจึงดึงแคลเซียมจากกระดูกมาใช้ในการปรับสมดุลกรด-ด่าง หากเกิดขึ้นบ่อยๆ กระดูกจะสูญเสียแคลเซียมอย่างรวดเร็วและมีโอกาสเปราะบางมากขึ้น  

 

  1. อาหารโซเดียมสูง  

อาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป อาหารฟาสต์ฟู้ด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และขนมขบเคี้ยว เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้กระดูกเสื่อมเร็ว โซเดียมที่มากเกินไปจะไปกระตุ้นให้ร่างกายขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ

ยิ่งเราบริโภคโซเดียมในปริมาณที่เกินความต้องการของร่างกาย (ควรไม่เกิน 2,300 มิลลิกรัมต่อวัน) การสูญเสียแคลเซียมก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กระดูกอ่อนแอในระยะยาว  

วิธีป้องกันการเสี่ยงกระดูกพรุน  

– ลดการบริโภคน้ำอัดลม และดื่มน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มที่มีแคลเซียมสูงแทน เช่น นมวัว นมถั่วเหลือง  

– เลือกโปรตีนจากแหล่งที่ดีต่อกระดูก เช่น ปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ถั่ว และธัญพืช  

– หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูง และเพิ่มการบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดี เช่น ผักใบเขียว นม และปลาเล็กปลาน้อย  

– ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ เช่น การเดินเร็วหรือโยคะ  

อย่างไรก็ตาม    คาสิโนเวียดนาม     การดูแลกระดูกให้แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรเริ่มตั้งแต่วันนี้ การหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นอันตรายต่อกระดูกและการเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะกระดูกพรุนในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ