ระวัง! เสพติดการช้อปปิ้งออนไลน์ อาจเข้าข่ายเป็นโรคทางจิต 

ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างสามารถเข้าถึงได้เพียงปลายนิ้ว การช้อปปิ้งออนไลน์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตประจำวันของผู้คนจำนวนมาก

เนื่องจากความสะดวกสบาย ความหลากหลายของสินค้า และการจัดส่งถึงบ้านในเวลาอันรวดเร็ว แม้จะดูเหมือนเป็นกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายและสร้างความสุขได้

แต่สำหรับบางคน การช้อปปิ้งออนไลน์อาจกลายเป็นพฤติกรรมเสพติดจนส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและการดำเนินชีวิตในระยะยาว

โดยในบางกรณีอาจเข้าข่าย “โรคเสพติดการช้อปปิ้ง”  หรือ “โรคช้อปปิ้งบังคับ” ซึ่งจัดเป็นความผิดปกติทางจิตที่ควรได้รับการดูแลอย่างจริงจัง  

ลักษณะอาการของโรคเสพติดการช้อปปิ้งออนไลน์  

ผู้ที่มีพฤติกรรมเสพติดการช้อปปิ้งออนไลน์มักมีอาการดังนี้  

  1. ไม่สามารถควบคุมการซื้อสินค้าได้ แม้จะตั้งใจหยุดหรือจำกัดการใช้จ่าย แต่ก็ไม่สามารถทำได้  
  2. การซื้อสินค้าเพื่อบรรเทาความเครียดหรืออารมณ์ลบ เช่น ความเศร้า ความเหงา หรือความวิตกกังวล  
  3. การซื้อของที่ไม่จำเป็นหรือไม่เหมาะสมกับสถานะทางการเงิน จนทำให้เกิดปัญหาหนี้สินหรือการเงินไม่มั่นคง  
  4. การหมกมุ่นอยู่กับการช้อปปิ้งออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาสินค้า เช็กราคาหรือรอโปรโมชั่นตลอดเวลา  
  5. รู้สึกผิดหรือเสียใจหลังจากซื้อสินค้า แต่ยังคงทำซ้ำอยู่เรื่อย ๆ  

 

ผลกระทบจากการเสพติดการช้อปปิ้งออนไลน์  

การช้อปปิ้งออนไลน์ที่มากเกินไปอาจส่งผลเสียในหลายด้าน ทั้งด้านการเงิน ความสัมพันธ์ และสุขภาพจิต  

– ผลกระทบด้านการเงิน การซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็นอาจนำไปสู่การเป็นหนี้สินสะสม หรือการสูญเสียเงินออมที่ควรเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน  

– ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ การเสพติดการช้อปปิ้งอาจสร้างความขัดแย้งในครอบครัว หรือกับคนรอบข้าง เนื่องจากปัญหาการเงินหรือการละเลยความรับผิดชอบ  

– ผลกระทบต่อสุขภาพจิต ผู้ที่เสพติดการช้อปปิ้งอาจมีภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล หรือรู้สึกไร้ค่า เมื่อไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมตนเองได้  

วิธีป้องกันและแก้ไขพฤติกรรมเสพติดการช้อปปิ้งออนไลน์  

  1. ตั้งงบประมาณในการช้อปปิ้งและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด  
  2. หลีกเลี่ยงการเข้าถึงแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ช้อปปิ้ง โดยลบแอปฯ ที่ไม่จำเป็นออกจากโทรศัพท์  
  3. หากิจกรรมทดแทน เช่น การออกกำลังกาย อ่านหนังสือ หรือพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง เพื่อลดความหมกมุ่นในการซื้อสินค้า  
  4. ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ หากพฤติกรรมเริ่มส่งผลกระทบต่อชีวิต ควรปรึกษานักจิตวิทยาหรือนักบำบัดเพื่อหาทางแก้ไข  

หากพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดมีพฤติกรรมการช้อปปิ้งที่ไม่สามารถควบคุมได้ และเริ่มส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพจิตที่ต้องการการดูแลอย่างจริงจัง

อย่ามองว่าการช้อปปิ้งเป็นเพียงเรื่องเล็ก เพราะหากปล่อยไว้โดยไม่แก้ไข อาจนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่กว่าในอนาคต  

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย     เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก

3 วิธีเลี่ยงเด็กอย่างไรไม่ให้ติดเกม

รู้หรือไม่ว่า เกม ไม่ได้เป็นสิ่งเสพติดแต่อย่างไร เพราะเกมไม่ได้เป็นกิจกรรมที่สามารถทำร้าย หรือให้โทษต่อร่างกายของเราได้มากขนาดนั้น

แต่เป็นตัวเราเองต่างหากที่เราทำร้ายตนเองจากการเล่นเกม เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่า เกมนั้น เป็นเพียงกิจกรรมที่สามารถสร้างความสนุกสนาน ความบันเทิง หรือความสนุกสนานเพียงเท่านั้น ซึ่งเราก็จะเห็นได้หลาย ๆ คนรวมไปถึงเด็กเองก็ตาม หันมาให้ความสนใจกับการเล่นเกมกันเป็นอย่างมาก

เพราะหาความสุขจากการเล่นเกม ซึ่งหากเราเล่นอย่างเหมาะสม เกมก็อาจเกิดประโยชน์ดี ๆ ต่อเราได้

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราหักโหมมากเกินไป การเล่นเกมก็อาจให้โทษต่อร่างกายของเราได้เช่นกัน ฉะนั้น เราเชื่อว่าปัญหาส่วนใหญ่ที่หลายคนมักที่จะพบเจอกันอยู่เสมอคิก เด็กติดเกม ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าผู้ปกครองส่วนใหญ่นั้นมักที่จะมองหาวิธีในการแก้ไขปัญหานี้กันอยุเสมอ

แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป หากผู้ปกครองคนไหนที่ไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่กับลูก ๆ และเกรงว่าลูกจะเสี่ยงต่อการติดเกมมากเกินไป วันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยป้องกันเด็กไม่ให้ติดเกมได้ เพื่อป้องกันเด็กไม่ให้ติดเกม จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย 

  • การบอกลาอุปกรณ์อำนวยความสะดวก

รู้หรือไม่ว่า การที่เราปล่อยให้เด็กคลุกคลีอยู่กับอุปกรณ์การเล่นเกมมาก ๆ จะยิ่งทำให้เด็กสนใจการเล่นเกมมากขึ้น

ซึ่งก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่เด็กนั้นจะเสพติดการเล่นเกม จนอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่าง ๆ ได้

ฉะนั้น  เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก    การบอกลาสิ่งอำนวยความสะดวก หรืออุปกรณ์การเล่นเกม จะช่วยทำให้เด็กไม่สนใจการเล่นเกมมากเกินไป เพราะการไม่ได้เห็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับเกม ก็จะช่วยป้องกันเด็กไม่ให้ติดเกมได้นั่นเอง 

 

  • การให้ความสนใจสื่ออื่น ๆ

การที่เราเลือกกิจกรรมที่มีประโยชน์ให้เด็กได้เล่นอยู่เสมอนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เด็กใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ได้

เพราะการที่ผู้ปกครองปล่อยให้เด็กอยุ่กับการเล่นเกมมาก ๆ หรือเรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมหรืองานอดิเรก ก็จะยิ่งทำให้เด็กนั้นติดเกมได้ง่าย

ฉะนั้น สิ่งที่จะช่วยป้องกันเด็กไม่ให้ติดเกมได้คือ การให้ความสนใจกับสื่อบันเทิง ๆ ที่ไม่ใช่เกม เพราะจะช่วยให้เด็กนั้น สามารถทำในสิ่งที่ดี และนำไปต่อยอดได้ 

 

  • การสร้างนิสัย

รู้หรือไม่ว่า การที่เรารู้จักสร้างนิสัยให้กับเด็กนั้น จะยิ่งทำให้เด็กรุ้จักกับการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น เพราะจะทำให้เด็กเข้าใจการใช้ชีวิตให้เกิดประโยชน์ได้

อีกทั้งยังไม่เอาเวลาว่างไปเสียให้กับสิ่งที่ไม่ดี หรือไม่มีประโยชน์อีกด้วย รับรองได้เลยว่าวิธีนี้จะทำให้เด็กไม่สนใจกับการเล่นเกมมากเกินไปอย่างแน่นอน