ขึ้นป้ายตัวใหญ่ ปิดตำนาน เพนนินซูล่า พลาซ่า จุดเช็คอินของคนกรุง 

            The Pennisula Plaza จุดเช็คอินของคนกรุง เป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดังระดับ ไฮเอนด์ สถานที่แห่งนี้คือสถานที่ที่เป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญ

สำหรับบรรดาไฮโซชื่อดังทั้งหลายรวมถึงวัยรุ่นในกรุงเทพฯที่มักจะพากันไปเช็คอินโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลวันคริสต์มาสซึ่งที่นี่นั้นเป็นห้างสรรพสินค้าย่านราชดำริที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

       อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 20 เดือนเมษายน ปีพ.ศ. 2565   ได้มีการเปิดเผยสถานภาพล่าสุด ของ The Pennisula Plaza โดยมีการโพสต์ผ่านทาง facebook ซึ่งเป็นการเปิดเผยภาพบริเวณหน้าห้าง ว่าในขณะนี้ห้างสรรพสินค้าดังกล่าวนั้นได้มีการปิดให้บริการเป็นที่เรียบร้อย

แล้วพร้อมกับมีป้ายประกาศนำมาติดไว้ที่หน้าห้างโดยมีการระบุว่าหากใครที่ต้องการที่จะติดต่อประสานงานกับห้างThe Pennisula Plaza สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานบริการโดยมีการระบุชื่อสำนักการบริการเป็นสํานักงานบริหารจัดการทรัพย์สินวชิราวุธวิทยาลัย

นอกจากนี้ยังมีการระบุหมายเลขโทรศัพท์ในการติดต่อเอาไว้รวมถึงการติดป้ายประกาศห้างThe Pennisula Plaza นี้ก็มีมาตั้งแต่วันที่ 1 เดือนมีนาคม ปีพ.ศ. 2565 แล้ว 

        อย่างไรก็ตามหลังจากที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ติดตัวมานานกว่าครึ่งเดือนแล้วแต่ก็ไม่ได้มีการเปิดเผยหรือเป็นข่าวโด่งดังมากนักเนื่องจากว่าปัจจุบันผู้คนไม่ค่อยนิยมเดินทางช้อปปิ้งที่ห้างจึงทำให้ข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องของห้างสรรพสินค้านั้นไม่ค่อยได้รับการเปิดเผย

หรือว่าแชร์ข้อมูลกันสักเท่าไหร่จนมีผู้ใช้ Facebook รายนึงไปถ่ายภาพการติดป้ายประกาศการปิดห้างสรรพสินค้าดังกล่าวจึงทำให้ผู้คนได้รับรู้ว่าแม้แต่ห้างระดับ hi end ห้าง

สำหรับคนรวยเท่านั้นที่จะไปเดินก็ยังประสบปัญหาขาดทุนจนไม่สามารถที่จะเปิดให้บริการได้อีก 

        สำหรับสาเหตุของการปิดห้างสรรพสินค้า The Pennisula Plaza ไม่ได้มีการเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการว่าสาเหตุสำคัญที่สุดของการปิดตำนานจุดเช็คอินชื่อดังของกรุงเทพฯนี้มาจากอะไรแต่ก็เชื่อว่าน่าจะมาจากปัญหาพิษเศรษฐกิจ

ซึ่งในขณะนี้หลายแห่งกำลังประสบกับปัญหาอยู่ และแต่ละแห่งก็กำลังหาทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของห้างของตัวเอง 

         อย่างไรก็ตามการที่The Pennisula Plaza มีการประกาศปิดตัวลงแบบถาวรนั้นทำให้กรุงเทพมหานครมีจำนวนสถานที่ท่องเที่ยวลดลงเรียกได้ว่ามีจุดเช็คอินของบรรดานักท่องเที่ยวลดลงอีกจุดหนึ่งเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าห้างสรรพสินค้าแห่งนี้จะไม่ส่งผลทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น

หรือลดลงมากนักแต่ที่นี่ก็เป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติหรือบรรดาไฮโซทั้งหลายอยากจะมาเช็คอินและมาช้อปปิ้งกัน

ดังนั้นการที่สถานที่แห่งนี้ต้องปิดตัวลงแบบถาวรนั่นก็หมายถึงร้านค้าที่มีการเปิดขายภายในห้างสรรพสินค้าดังกล่าวก็ต้องปิดตัวตามห้างThe Pennisula Plaza ด้วยเช่นเดียวกัน 

 

ผู้ให้การสนับสนุนเนื้อหานี้โดย      คาสิโน เวียดนาม โฮจิมินห์

5  สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำในพัทยา   

เมื่อใดก็ตามที่ผู้คนนึกถึงพัทยา พวกเขามักจะนึกถึงสาวประเภทสอง การแสดงตลก และนักท่องเที่ยวที่เมาสุรา

สิ่งนี้ไม่ได้เริ่มสัมผัสถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่เมืองไทยมีให้ พัทยาเป็นเมืองที่มีวัดวาอารามและชายหาดที่สวยงาม แต่ก็มีกิจกรรมให้ทำมากมายจนไม่มีเบื่อ 

1.ปาร์ตี้ยามค่ำคืนที่ถนนคนเดิน  เมื่อพูดถึงภาพและเสียงที่คุณสัมผัสในถนนคนเดิน คุณจะต้องทึ่ง ไม่มีถนนอื่นในประเทศไทยเข้าใกล้ ถนนคนเดินยาว 500 เมตรตามชื่อของมัน ห้ามรถบนถนนหลัง 18.00 น. 

ถนนและซอยอื่นๆ เต็มไปด้วยบาร์ ไนต์คลับ บาร์อะโกโก้ ร้านอาหาร และบาร์เบียร์ ในช่วงกลางวันถนนเกือบจะรกร้าง แต่เมื่อมืดลงแสงนีออน เสียงเพลงดัง และกองทัพสาว ๆ ไปตามท้องถนน    

 

2.ผ่อนคลายตัวเองที่สวนนงนุช  หากคุณสนใจดอกไม้ ต้นไม้ และสวนภูมิทัศน์ ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการใช้เวลายามบ่ายอันเงียบสงบ  สวนครอบคลุมพื้นที่ 2.4 ตารางกิโลเมตร

และมีดอกไม้ที่สวยที่สุดในโลก สวนแห่งนี้ได้รับรางวัลมากมายจากการออกแบบของพวกเขาและจะยังคงทำต่อไปเพราะสภาพสวนที่ดีเยี่ยม ไม่ใช่แค่ดอกไม้และต้นไม้เท่านั้น

แต่ยังมีกล้วยไม้กว่า 670 สายพันธุ์และแม้แต่การแสดงความสามารถของช้าง   

 

3.สัมผัสตลาดน้ำพัทยา  มีตลาดน้ำหลายแห่งในประเทศไทย แต่ที่พัทยานี้มีบางอย่างที่แตกต่างออกไป ชื่อจริงของตลาดคือ ‘ตลาดน้ำสี่ภาค’ เหตุผลก็คือตลาดนี้แบ่งออกเป็นสี่ภาคของประเทศไทย ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง 

แต่ละส่วนของตลาดขายสินค้าที่เป็นตัวแทนของส่วนนั้นของประเทศ แผงลอยไม่ได้ลอยน้ำทั้งหมด บางแผงอยู่ในเรือที่เคลื่อนที่ไปรอบๆ ลำคลอง

และบางแผงเป็นลักษณะยกพื้นสูงที่ตั้งอยู่ริมตลิ่ง หากต้องการสัมผัสประสบการณ์ที่ดีที่สุดของตลาด คุณควรเช่าเรือลำเล็กและสำรวจทุกสิ่งที่มีให้  

 

4.ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะที่ Art In Paradise  นี่ไม่ใช่หอศิลป์ธรรมดา แต่แกลเลอรีนี้นำแนวคิดของหอศิลป์ธรรมดามาเปลี่ยนให้เป็นแนวคิดแทน  ที่ Art in Paradise คุณจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะ

โดยชุดภาพลวงตาและลูกเล่นอันชาญฉลาดอื่นๆ แกลเลอรีถูกตั้งค่าอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อให้คุณสามารถถ่ายภาพในลักษณะที่ดูเหมือนคุณกำลังข้ามสะพานเก่าหรือบินเหนือของหวานบนพรมวิเศษ อาคารแบ่งออกเป็นสิบส่วนและจัดแสดงผลงานศิลปะมากกว่าหนึ่งร้อยชิ้น

เป็นเรื่องสนุกสำหรับเด็กและผู้ใหญ่และควรอยู่ในรายการสิ่งที่ต้องทำ  

 

5.ทึ่งกับ Ripley’s Believe It Or Not  เป็นเครือพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงข้อเท็จจริงแปลกๆ เกี่ยวกับโลกที่เราอาศัยอยู่แก่ผู้มาเยือน ข้อเท็จจริงเหล่านี้ส่วนใหญ่คุณอาจไม่รู้ว่ามีอยู่จริง   พิพิธภัณฑ์ในพัทยาแห่งนี้มีสิ่งของกว่า 300 ชิ้นที่แบ่งออกเป็นสิบสาขาวิชา

คุณจะได้พบกับรถจากัวร์ปี 1937 ที่ทำหน้าที่เป็นเรือยนต์ได้สองเท่า รวมถึงเรือไททานิคจำลองที่ทำจากไม้ขีดไฟกว่าล้านนัด มีอะไรให้ทำมากมายที่ต้องใช้เวลาทั้งวัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณหลงทางในเขาวงกตไร้ขอบเขตนานหลายชั่วโมง เมื่อคุณชมพิพิธภัณฑ์และเขาวงกตเสร็จแล้ว คุณยังมีงานหุ่นขี้ผึ้งทุสโซและโรงละครเคลื่อนที่ 4 มิติให้สำรวจ 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย    คาสิโน เวียดนาม ฮานอย

น้ำว่านหางจระเข้ ดื่มเพื่อลดน้ำหนัก

น้ำว่านหางจระเข้เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในวงการสุขภาพและการลดน้ำหนัก เนื่องจากเชื่อกันว่ามีคุณสมบัติที่ช่วยส่งเสริมการลดน้ำหนักและให้ประโยชน์ต่อร่างกาย ในบทความนี้จะอธิบายถึงประโยชน์ของการดื่มน้ำว่านหางจระเข้เพื่อช่วยในการลดน้ำหนัก รวมถึงผลดีต่อสุขภาพโดยรวม

  1. ช่วยในการย่อยอาหาร

ว่านหางจระเข้มีสารประกอบที่เรียกว่าเอนไซม์ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ การดื่มน้ำว่านหางจระเข้จะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการท้องอืดและท้องผูก ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยในผู้ที่มีระบบย่อยอาหารที่ทำงานไม่สมบูรณ์ เมื่อระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น จะช่วยในการลดน้ำหนักได้โดยไม่สะสมของเสียและสารพิษในร่างกาย

 

  1. ช่วยในการดีท็อกซ์

การดื่มน้ำว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติในการช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ว่านหางจระเข้มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ที่ช่วยกำจัดสารพิษในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การขับสารพิษออกจากร่างกายเป็นสิ่งสำคัญในการลดน้ำหนัก เพราะช่วยให้ร่างกายสามารถขจัดไขมันส่วนเกินออกไปได้ง่ายขึ้น

 

  1. เพิ่มความชุ่มชื้นและสมดุลในร่างกาย

น้ำว่านหางจระเข้ประกอบไปด้วยน้ำในปริมาณสูง ซึ่งช่วยให้ร่างกายคงความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น เมื่อร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอ การทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้กระบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกายดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยลดความรู้สึกหิวโดยเฉพาะการอยากกินของหวาน ซึ่งช่วยควบคุมแคลอรีในแต่ละวันได้ดีขึ้น

 

  1. กระตุ้นระบบเผาผลาญ

การดื่มน้ำว่านหางจระเข้ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญไขมันในร่างกาย เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการอักเสบในร่างกาย เมื่อระบบเผาผลาญทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ร่างกายจะสามารถเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น และลดการสะสมของไขมันในร่างกาย จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้น้ำว่านหางจระเข้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก

  1. ลดอาการอักเสบและช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกาย

การอักเสบในร่างกายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการสะสมของไขมัน และเป็นอุปสรรคต่อการลดน้ำหนัก น้ำว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติในการลดอาการอักเสบ จึงช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้การเผาผลาญพลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การดื่มน้ำว่านหางจระเข้เป็นวิธีที่ดีในการช่วยลดน้ำหนัก เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยย่อยอาหาร เพิ่มความชุ่มชื้นในร่างกาย กระตุ้นระบบเผาผลาญ และลดการสะสมของไขมัน นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกันและช่วยลดอาการอักเสบ

 

สนับสนุนโดย    Hoiana Casino

บทกวีจากนักเขียนทั่วโลก

บทกวีเป็นศิลปะแห่งถ้อยคำที่สามารถสื่อสารอารมณ์ ความรู้สึก และแนวคิดได้อย่างลึกซึ้ง นักเขียนกวีจากทั่วโลกได้ฝากผลงานที่เต็มไปด้วยพลังแห่งถ้อยคำและจินตนาการไว้มากมาย โดยแต่ละยุคแต่ละวัฒนธรรมมีสไตล์และเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน

กวีแห่งโลกตะวันตก

วิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) – อังกฤษ
เชกสเปียร์เป็นหนึ่งในกวีและนักเขียนบทละครที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก งานของเขาเต็มไปด้วยบทกวีที่ไพเราะและเต็มไปด้วยความหมาย หนึ่งในบทโซเน็ตที่มีชื่อเสียงของเขา คือ Sonnet 18 ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “Shall I compare thee to a summer’s day?” ซึ่งเป็นบทกวีที่กล่าวถึงความงามอันเป็นนิรันดร์

ปาโบล เนรูด้า (Pablo Neruda) – ชิลี
เนรูด้าเป็นกวีชาวชิลีที่มีบทกวีซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์ลึกซึ้งและความโรแมนติก เช่น Twenty Love Poems and a Song of Despair ซึ่งเป็นบทกวีเกี่ยวกับความรัก ความหวัง และความเศร้า หนึ่งในบทกวีที่มีชื่อเสียงของเขา คือ “I do not love you as if you were salt-rose, or topaz…” ที่สื่อถึงความรักอันบริสุทธิ์

เอมิลี ดิกคินสัน (Emily Dickinson) – อเมริกา
ดิกคินสันเป็นกวีหญิงผู้โด่งดังของอเมริกา แม้ว่าเธอจะใช้ชีวิตอย่างสันโดษ แต่บทกวีของเธอสะท้อนถึงความลึกซึ้งของชีวิต ความตาย และธรรมชาติ เช่น “Because I could not stop for Death, He kindly stopped for me…” ที่สื่อถึงความไม่แน่นอนของชีวิต

กวีแห่งโลกตะวันออก

หลี่ไป๋ (Li Bai) – จีน
หลี่ไป๋เป็นกวีชาวจีนที่มีชื่อเสียงในราชวงศ์ถัง งานของเขามีลักษณะเป็นบทกวีแบบกึ่งเทพนิยาย สะท้อนถึงความอิสระและการดื่มสุรา เช่นบท “Quiet Night Thoughts” ที่กล่าวถึงความคิดถึงบ้านยามค่ำคืน

มัตสึโอะ บาโช (Matsuo Bashō) – ญี่ปุ่น
บาโชเป็นกวีไฮกุที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น งานของเขาสะท้อนถึงธรรมชาติและความเรียบง่าย เช่น ไฮกุที่โด่งดังที่สุดของเขา “An old silent pond… A frog jumps into the pond—Splash! Silence again.” ที่สะท้อนถึงความเงียบสงบของธรรมชาติ

รพินทรนาถ ฐากูร (Rabindranath Tagore) – อินเดีย
ฐากูรเป็นกวีและนักคิดแห่งอินเดีย ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ผลงานของเขามีความลึกซึ้งและสะท้อนถึงจิตวิญญาณ เช่น “Gitanjali” ที่เป็นบทกวีสะท้อนความหมายของชีวิตและความศรัทธา

สรุป

บทกวีจากนักเขียนทั่วโลกมีความหลากหลาย ทั้งในด้านรูปแบบ เนื้อหา และแนวคิด บางบทกล่าวถึงความรักและความสุข บางบทสะท้อนถึงความทุกข์และความเป็นอนิจจัง ศิลปะของบทกวียังคงเป็นหนึ่งในรูปแบบการแสดงออกที่ทรงพลังที่สุดของมนุษย์