ซากปรักหักพังของเมืองหรือโบราณสถานต่าง นั้นได้มีอยู่มากมายทั่วโลกเลย สถานที่ท่องเที่ยวโบราณคดี ซึ่งในสถานที่โบราณสถานต่างๆนั้นได้มีการบอกเล่าเรื่องของวัฒนธรรมที่มีความซับซ้อนและลึกลับไว้มากมายในโบราณสถานของที่เหล่านั้น ก่อนที่วัฒนธรรมต่างๆจะหายไปตามกาลเวลา
เพราะว่าบางวัฒนธรรมจะมีการไปกระจัดกระจายไปตามใต้ดิน ในป่า แต่ก็มีความสง่าสงามมากมายและรอคนที่จะค้นพบความน่าทึ่งของโบราณสถานต่างๆนี้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะมีแหล่งโบราณคดีที่เราควรที่จะไปทำการเยือนสักครั้งในชีวิต
1.สโตนเฮนจ์
เป็นผลงานหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ที่มีความยาวนานมากถึง4,500 ปีเลย และวงแหวนหินสโตนเฮนจ์นั้นเป็นผลงานด้านวิศวกรรม ที่มีความพยายามในการสร้างขึ้นมาอย่างมาก และได้มีการถูกสร้างขึ้นมาจากยุตที่ไม่ได้มีเครื่องมือที่มากมายอะไรมากนักและมีเครื่องมือที่น้อยกว่าปัจจุบันมาก และในปัจจุบันยังไม่มีใครที่จะสามารถทำการระบุได้ว่าในยุคๆนั้นสามารถที่จะทำการสร้างสโตนเฮนจ์นี้ขึ้นมาเพื่ออะไร และได้มีการขาดการมากมายเกี่ยวกับสโตนเฮนจ์นี้ ไม่ว่าอาจจะเป็นสถานที่ฝังศพ เป็นอนุสาวรีย์ หรืออาจจะเป็นสถานที่ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ
2.กำแพงเมืองจีน
กำแพงเมืองจีนได้มีการจัดทำขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่3 จนถึงศตวรรษที่17 ซึ่งตั้งอยู่ที่ชายแดนทางเหนือของประเทศจีน นับเป็นผลงานสถาปัตยกรรมป้องกันศัตรูเข้ามราในประเทศที่ยิ่งใหญ่มากๆของจักรวรรดิจีน ด้วยทางที่คดไปคดมาเหนือเทือกเขาชัน มีความยาวรวมมากยิ่งกว่า 20,000 กม. แต่ว่าเนื่องจากว่าการกัดเซาะตามธรรมชาติ ส่วนหนึ่งส่วนใดของกำแพงก็เลยเปลี่ยนเป็นเพียงแค่ซากปรักหักพัง
3.โมไอ
รูปปั้นหินขนาดใหญ่บนเกาะอีสเตอร์ของประเทศชิลี คาดว่าทำขึ้นเมื่อราวๆ คริสต์ศักราช 1,400 โดยคนพื้นเมืองของเกาะนี้หรือที่เรียกว่า Rapa Nui มีรูปปั้นราวๆ 1,000 รูป ซึ่งมีน้ำหนักมากถึง 86 ตันแล้วก็สูงมากกว่า 10 เมตรเกือบทั้งหมดแกะมาจากหินภูเขาไฟ Rano Raraku ซึ่งเป็นหินที่สลักง่าย เนื่องจากคนพื้นเมืองมีเพียงแต่เครื่องมือหิน ว่ากันว่ารูปปั้นพวกนี้ทำขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่หัวหน้าหรือบุคคลสำคัญอื่นๆที่ตายไปแล้ว
4.ชิเชนอิตซา
ประเทศเม็กซิโกเป็นที่ตั้งของเมืองโบราณสมัยพรีโคลัมเบียน ซึ่งมีมากมายหลายสิบแห่งที่ถูกทำขึ้นในช่วงหลายพันปีก่อน ซากที่มีผู้เที่ยวชมเยอะที่สุดแล้วก็เป็นที่รู้จักมากที่สุดน่าจะเป็น ชิเชนอิตซา ซึ่งเป็นเมืองของชาวมายันในเมืองยูค้างตัน โดยที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ครอบคลุมราว 10.4 ตารางกิโลเมตร โดยมีพีระมิดขั้นบันไดได้มีการถูกทำขึ้นในช่วงระหว่างปีศตวรรษที่ 9 และ 12 ทำหน้าที่เป็นวิหารของเทพเจ้า Kukulkan Chichen Itza รวมทั้งพื้นที่รอบๆนี้ก็ได้รับการกล่าวยกย่องเชิดชูเป็นมรดกโลกในปี 1988
สนับสนุนโดย. gclub